อันตรายจากโรคตาพบบ่อยในผู้สูงอายุ การป้องกันและการรักษา

โรคตาผู้สูงอายุ: ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะต่างๆ ในร่างกายย่อมเสื่อมสภาพลงเป็นธรรมดา รวมถึงดวงตาของเราด้วย ภาวะสายตาผิดปกติต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ เช่น สายตามองไม่ชัด ภาพเบลอ หรือปวดตา โรคตาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และบางโรคอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

จากการศึกษาพบว่าปัญหาตาบอดในประเทศไทยอยู่ที่ 0.6% และปัญหาโรคสายตาเรื้อรังระดับปานกลางถึงมากอยู่ที่ 14% มากกว่าครึ่งของปัญหาสายตาเหล่านี้สามารถป้องกันหรือรักษาได้ ดังนั้น การดูแลสุขภาพดวงตาและการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เช็กด่วน! 5 โรคตา พบบ่อยในผู้สูงอายุ

กรมการแพทย์เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุในปี 2568 แล้วยังพบว่า มีผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 70 ที่สายตาไม่ดี การมองเห็นไม่ชัดเจนเกิดภาวะสายตาเลือนรางหรืออาจตาบอด ถ้าไม่ได้รับการรักษาแต่แรก ซึ่งโรคตาที่พบมากในผู้สูงอายุ มี 5 โรคดังนี้

ต้อกระจก
เกิดจากเลนส์แก้วตาขุ่น ทำให้แสงผ่านเข้าไปในตาได้น้อยลง ผู้ป่วยต้อกระจกจะมีอาการตามัว เห็นภาพซ้อน ตาสู้แสงไม่ได้

แพ็กเกจสลายต้อกระจก (Package Phaco)

ต้อหิน
เกิดจากความดันในลูกตาที่สูงขึ้นจน มีการทำลายประสาทตา ผู้ป่วยจะเริ่มสูญเสียลานสายตา คือการมองเห็นจำกัดวงแคบลงจากด้านข้างเข้ามาตรงกลางเรื่อยๆ และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
เกิดจากภาวะเสื่อมของบริเวณจุดภาพชัดที่อยู่ส่วนกลางของจอตา ทำให้การมองเห็นส่วนกลางของภาพมัวลง เริ่มต้นอาจไม่มีอาการ แต่ต่อมาเมื่อจอตาเสื่อมมากขึ้น จะมีอาการตามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นจุดดำอยู่กลางภาพ

ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
เกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดที่จอตา ทำให้เลือดและสารต่างๆรั่วซึมออกมา ระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่ตรวจตาพบจุดเลือดออกที่จอตา หากมีอาการตามัวแสดงว่าเบาหวานขึ้นจอตาเป็นมากแล้ว ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนควรต้องตรวจตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง

เบาหวานขึ้นตา ภาวะแทรกซ้อนอันตรายอันดับ 1 ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ภาวะสายตายาว
เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ทําให้การมองเห็นไม่ชัดเจน ผู้ป่วยจะมองหรืออ่านเขียนหนังสือ ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ระยะใกล้ๆไม่ชัดเจน ต้องถือหนังสือห่างๆ ทำงานระยะห่างๆ บางคนอาจมีตาพร่า หรืออาการปวดตา มักเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากความสามารถและช่วงในการเพ่งปรับสายตาลดลง เนื่องจากเลนส์แก้วตาแข็งตัวขึ้น และการทํางานของกล้ามเนื้อตาลดลง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาสายตา

• อายุที่เพิ่มขึ้น: ความเสื่อมของดวงตาเป็นไปตามวัย
• พันธุกรรม: บางโรคตา เช่น ต้อหิน มีโอกาสถ่ายทอดทางพันธุกรรม
• แสงแดด: รังสียูวีจากแสงแดด ทำลายดวงตา เพิ่มความเสี่ยงต้อกระจก ต้อเนื้อ
• โรคประจำตัว: เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงโรคตา เช่น เบาหวานขึ้นตา จอประสาทตาเสื่อม
• การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาสเตียรอยด์ อาจทำให้เกิดต้อกระจก ต้อหิน
• การสูบบุหรี่: สารพิษในบุหรี่ ทำลายดวงตา เพิ่มความเสี่ยงโรคตาหลายชนิด
• พฤติกรรมการใช้ชีวิต: เช่น การใช้สายตามากเกินไป การขยี้ตา การใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป เพิ่มความเสี่ยงตาแห้ง

การดูแลสุขภาพดวงตา

• ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: อย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความเสี่ยง
• หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง: สวมแว่นกันแดด ควบคุมโรคประจำตัว งดสูบบุหรี่
• พักสายตาเป็นประจำ: ทุกๆ 20 นาที มองไปไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา: เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ปลาทะเล
• ปรึกษาจักษุแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ: เช่น ตามัว ปวดตา เห็นแสงไฟแวบ

ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า การรักษาโรคตาต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมามองเห็นได้ดีขึ้น หรือ ชะลอการสูญเสียการมองเห็น แต่การป้องกัน ย่อมดีกว่าการรักษา การดูแลสุขภาพดวงตาและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาสายตา และ รักษาดวงตาให้มีสุขภาพดีไปนานๆ

การป้องกันและรักษาปัญหาสายตาในผู้สูงอายุ

พบว่าปัญหาสายตาในผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่พบบ่อยและอาจนำไปสู่อันตรายถึงขั้นตาบอดได้ ดังนั้น การป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

การป้องกันหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง:

○สวมแว่นกันแดดเป็นประจำเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดจ้า เพื่อป้องกันรังสี UV

○ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เนื่องจากโรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคตาได้

○งดสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่ทำลายดวงตา

○ระมัดระวังการใช้ยาสเตียรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป1 เพื่อตรวจหาความผิดปกติของดวงตาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือการใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตา หากพบความผิดปกติควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยป้องกันการสูญเสียการมองเห็น และทำให้กลับมามองเห็นได้ดีขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: นอกเหนือจากแหล่งข้อมูลที่ให้มา ยังมีวิธีการดูแลสุขภาพดวงตาอื่นๆ เช่น การพักสายตาเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ข้อมูลเหล่านี้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น เว็บไซต์ของโรงพยาบาลหรือบทความทางการแพทย์

นอกจากโรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุแล้วยังมีปัญหามากมายที่เกี่ยวกับการมองเห็น

การมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ การดูแลสุขภาพตาเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันและชะลอการเกิดโรคตาต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ดังนี้

สายตาสูงวัย (Presbyopia)

1. อาการ: สายตาพร่ามัวเมื่อมองใกล้ เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์
2. สาเหตุ: เลนส์ตาสูญเสียความยืดหยุ่นตามวัย
3. การรักษา: แว่นสายตา หรือเลนส์สัมผัส

จุดรับภาพเสื่อม (Macular Degeneration)

1. อาการ: มองเห็นจุดดำหรือเส้นตรงกลางภาพ ภาพบิดเบี้ยว
2. สาเหตุ: จุดรับภาพบริเวณกลางจอประสาทตาเสื่อม
3. การรักษา: ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่มีการรักษาเพื่อชะลอความเสื่อม

สรุป
อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายจะเกิดการเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น รวมทั้งดวงตาของเรา ดวงตามักเริ่มเสื่อมตามอายุตั้งแต่วัยผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป ยิ่งอายุมากขึ้นจะพบความเสื่อมและโรคตาได้มากตามวัย จึงควรระวังใส่ใจรักษาสุขภาพตา ตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จะได้ทราบภาวะของตา ถ้าพบความผิดปกติในช่วงแรกจะได้ป้องกันรักษาอย่างเหมาะสม หรือชะลอความเสื่อม ป้องกันการสูญเสียดวงตาอย่างถาวรได้

หากท่านกำลังกังวลเรื่องการดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ การกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมบำบัด การชะลอความเสื่อม ให้ ไอแคร์ เวลเนส จำกัด
สามารถช่วยท่านดูแล ได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวค่ะ (รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์)
สาขาในเมืองอุบล : 25/1 ถนน บูรพานอก ตำบล ปทุม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/N1QevUBZrx3Jcsae8
สาขาห้วยวังนอง : 318/118 บ้านค้อเหนือ หมู่12, ตำบล กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/3mfAELzrGKt24G3D9