โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) ภัยเงียบใกล้ตัว ที่ต้องระวัง

โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) ภัยเงียบใกล้ตัว ที่ต้องระวัง

โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตันหรือหลอดเลือดแตก ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ เนื้อสมองถูกทำลาย สมองสูญเสียการทำงานไปและอาจทำให้เนื้อสมองตายได้ ความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสมองที่ถูกทำลาย บางคนปากเบี้ยว แขนอ่อนแรง บางคนอ่อนแรงทั้งแขนและขาซีกเดี่ยวกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสมองที่ลูกทำลายไปโดนส่วนที่ใช้ในการควบคุมอวัยวะส่วนไหนของร่างกายอวัยวะนั้นก็จะสูญเสียการทำงานไปสโตรก พบบ่อยเพศชายมากกว่าเพศหญิงและในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคซิฟิลิส เป็นต้น ซึ่งโรคประจำตัวเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งในการแข็งตัวของลิ่มเลือดหรือการแตกของหลอดเลือดสมองได้หากพบว่าเริ่มมีอาการ ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดไม่ได้หรือไม่สามารถเข้าใจคำพูดของคนอื่น แขนขาอ่อนแรง ชาบริเวณหน้า แขน ขา ปวดศีรษะแบบรุนแรง ควรนำตัวผู้ป่วยพบแพทย์ทันทีทางโรงพยาบาลจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบหลอดเลือดสมองจะช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นระยะอันตรายและสามารถฟื้นฟูด้านร่างกายของผู้ป่วยหลอดเลือดสมองได้

โรคหลอดเลือดสมอง – แตก ตีบ ตัน ฉีกขาด แบ่งแยกกันอย่างไร

  • หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง พบได้ประมาณ 80% หลอดเลือดสมองอุดตันเกิดได้จากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นไหลไปตามกระแสเลือดจนไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง หรืออาจเกิดจากมีลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมอง และขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนอุดตันหลอดเลือดสมอง ส่วนสาเหตุของหลอดเลือดสมองตีบอาจเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการลำเลียงเลือดลดลง
  • หลอดเลือดสมองแตก(hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 20% ของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากหลอดเลือดมีความเปราะบางร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้บริเวณที่เปราะบางนั้นโป่งพองและแตกออก หรืออาจเกิดจากหลอดเลือดเสียความยืดหยุ่นจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดปริแตกได้ง่าย ซึ่งอันตรายมากเนื่องจากทำให้ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองลดลงอย่างฉับพลันและทำให้เกิดเลือดออกในสมอง ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วได้

สาเหตุโรคหลอดเลือดสมอง

  • ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke)
    ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน เกิดจากการมีลิ่มเลือดที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณอื่นไหลไปตามกระแสเลือดขึ้นไปบนบริเวณหลอดเลือดสมอง และอาจจะเกิดจากการก่อตัวกันเป็นลิ่มเลือดบนหลอดเลือดสมองนั้นเลยก็ได้ หรือการมีภาวะสะสมไขมันในหลอดเลือดสมองจำนวนมากทำให้เกิดการอุดตันตีบแคบลง
  • ภาวะหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke)
    ภาวะหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic) เกิดจากการเปราะบางของหลอดเลือดสมองร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้บริเวณที่เปราะบางนั้นโป่งพองมากจนทำให้แตกออก และอาจเกิดจากการสะสมไขมันหลอดเลือดสมองทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดปริแตกได้ง่าย
  • ภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ
    ภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ (Transient ischemic attack) คือ อาการโรคหลอดเลือดสมอง แต่เป็นไม่นานสมองขาดเลือดไปเลี้ยง จะมีอาการแล้วอาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายได้เอง สาเหตุเกิดจากสมองมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอเป็นระยะเวลาชั่วขณะ เพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการ 5-15 นาทีแล้วอาการจะเริ่มดีขึ้นเอง แต่อย่างไรก็ตามหากพบว่าผู้ป่วยมีอาการควรพบแพทย์ทันที เพราะเป็นสัญญาณเตือนภาวะการขาดเลือดไปเลี้ยงของหลอดเลือดสมองได้ และนำไปสู่ สโตรกได้

โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) เกิดจากอะไร รักษาวิธีไหน - เพราะทุกนาทีคือชีวิต

อาการโรคหลอดเลือดสมองควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการคล้ายคลึงกับโรคหลอดเลือดสมอง และภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะหรือมีอาการ เป็นๆ หายๆผู้ป่วยควรปฏิบัติตามแนวทางของ
“ F A S T ”

  • F (Face) ใบหน้า ให้พยายามยิ้มเห็นฟัน ฉีกมุมมากให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้และสังเกตมุมปากทั้งสองข้างว่าเท่ากันหรือไม่
  • A (Arm) แขน ให้พยายามยกแขนขึ้นเหนือศีรษะทั้งสองข้างแล้วสังเกตว่าแขนข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกได้เท่ากันหรือไม่
  • S (Speech) คำพูด ให้ถามคำถามง่ายๆที่ผู้ป่วยน่าจะตอบได้ ฟังน้ำเสียงและความหมาย ว่าพูดชัดหรือไม่ชัดและตอบถูกหรือไม่
  • T (Time) ระยะเวลา หากตรวจแล้วพบอาการผิดปกติ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ให้นับจากเวลาผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้ายแล้วควรรีบมาโรงพยาบาลให้ทันภายใน 4 ชั่วโมง หากมีภาวะสโตรกแฝงอยู่จริงบางกรณีแพทย์อาจจะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ ซึ่งจะช่วยให้หลอดเลือดสมองกลับมาทำงานได้อย่างปกติ บางคนก็จะสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติ

การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง

หลังจากที่ผู้ป่วยถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการตรวจผู้ป่วยด้วย CT Scan หรือ MRI และแพทย์จะทำการวินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการใกล้เคียงอย่าง เช่น เนื้องอกในสมอง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นต้น และตรวจด้วยวิธีอื่นๆ

  • การซักประวัติ แพทย์จะซักประวัติการรักษา อาการ โรคประจำตัว และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
  • การตรวจร่างกายทางระบบประสาท
    แพทย์จะให้ยกแขน ยกขา ออกแรงต้านเพื่อดูกำลังกล้ามเนื้อของร่างกายทั้งสองด้าน และตรวจเส้นประสาทรับความรู้สึกตามแขนขาทั้งสองข้าง
  • การตรวจเลือด เพื่อดูลิ่มเลือดและค่าไขมันในเลือด
  • การตรวจ CT Scan หรือ MRI เพื่อดูว่าสมองเกิดภาวการณ์ขาดเลือดหรือเลือดออกในสมองหรือไม่
    ลักษณะอาการของสโตรก หรืออาการโรคหลอดเลือดสมอง

การสังเกตลักษณะอาการมีความสำคัญมาก ดังนั้นควรสังเกตและตรวจเช็คอาการ หากตัวผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิดมีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมองได้พูดไม่ชัด

  • พูดไม่ได้หรือไม่สามารถเข้าใจคำพูดของคนอื่นผู้ป่วยจะรู้สึกสับสน มึนงง พูดไม่ชัด หรือมีปัญหาในการทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด
  • อาการอ่อนแรง (อัมพฤกษ์/อัมพาต) หรือชาบริเวณหน้า แขน ขาผู้ป่วยจะเกิดอาการอ่อนแรงหรือชาอย่างเฉียบพลัน บริเวณ หน้า แขนหรือขา โดยส่วนใหญ่แล้วอาการจะเกิดกับร่างกายแค่ด้านเดียว ร่วมกับอาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้
  • ปัญหาด้านการมองเห็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างผู้ป่วยจะเกิดอาการตามัวแบบเฉียบพลัน หรือเห็นภาพซ้อน
  • เวียนศีรษะ/ปวดศีรษะ อาการรุนแรงแบบเฉียบพลัน มักจะพบร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปัญหาด้านการเดินเซ การทรงตัวผิดปกติ หรือซึมลง (Altered Consciousness) มึนศีรษะ อาการคลื่นไส้อาเจียน

สาเหตุการหลักเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก

เมื่อทราบที่ไปที่มาของโรคแล้วอย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องตระหนักหลักใหญ่ๆ ของการเกิด สโตรก (Stroke) สาเหตุใหญ่ๆมักจะมาจาก 3 ประเภท สาเหตุแรกคือหลอดเลือดเกิดตีบหรืออุดตัน (Ischemic stroke) และหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) ในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการของภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ (Transient Ischemic Attack) นำมาก่อน

  • ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic stroke) พบได้บ่อยถึง 85% ของโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุที่สำคัญ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่
  • ภาวะหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 15% ของโรคหลอดเลือดสมอง ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในเกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตก
  • ภาวะความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้
  • การได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ที่มากเกินความจำเป็น
  • โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (cerebral aneurysm or arteriovenous malformation)
  • การบาดเจ็บ อุบัติเหตุ
  • มีโปรตีนสะสมผิดปกติในผนังหลอดเลือด (cerebral amyloidosis) ภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ (Transient ischemic attack – TIA) คืออาการโรคหลอดเลือดสมอง แต่อาการเป็นไม่นาน (24 ชั่วโมง) แล้วอาการดีขึ้นได้เอง สาเหตุของ TIA เกิดจากสมองมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอเป็นระยะเวลาชั่วคราว ส่วนใหญ่จะมีอาการ 5-15 นาที แล้วอาการดีขึ้นเอง

ทำความรู้จักปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง

ปัจจัยในการชีชีวิตส่วนใหญ่ของคนไข้ที่มีสภาวะเสี่ยงเป็น หรือเป็น สโตรก (Stroke) ส่วนใหญ่มีกมีเค้ามูลเดิมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยการใช้ชีวิตหรือแม้แต่ปัจจัยที่เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามย่อหน้านี้ผู้เขียนจะมาพูถึงปัจจัยต่างๆที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการเป็น สโตรก (Stroke)
ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต มีสาเหตุสำคัญจากปัจจัยหลักๆ ของผู้ป่วยหลายประการ คือ

  • เป็นโรคความดันโลหิตสูง
  • เป็นโรคเบาหวาน
  • เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
  • เป็นผู้มีไขมันคอเรสเตอรอลสูง
  • โรคหัวใจ เช่น ภาวะะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด atrial fibrillation, ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคลิ้นหัวใจติดเชื้อ (infective endocarditis)
  • เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่ต่อเนื่อง
  • เป็นโรคอ้วน
  • เป็นผู้ที่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
  • เป็นผู้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นผู้ใช้สารเสพติด ยาหรือสารกระตุ้น

โรคประจำตัวและความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง

นอกจากนี้ ยังมีโรคบางอย่าง รวมถึงความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ที่ทำให้อัตราเสี่ยงในการเกิดโรคเลือดสมองเพิ่มขึ้นได้ด้วย เช่น

  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • โรคหลอดเลือดแดงที่คอตีบ (severe carotid or vertebral stenosis)
  • ภาวะเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ (Polycythemia vera or Essential thrombocytosis)
  • ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (Thrombophilia)
  • โรคหลอดเลือดผิดปกติแต่กำเนิด เช่น โรค Moyamoya, Cerebral autosomal dominant and subcortical leukoencephalopathy (CADASIL)
  • มีการเซาะตัวของผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง (carotid or vertebral artery dissection)

อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆในร่างกายเสื่อมสภาพลงหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
เรียกกันง่ายๆว่าประสิทธิภาพการทงานลดลง จึงส่งผลทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่ายมากกว่าปกติ ในโรคหลอดเลือดสมองก็เช่นเดียวกัน (Stroke) เมื่อพบว่าหลอดเลือดผนังหลอดเลือดได้เสื่อมลง ความยืดหยุ่นในการทำงานก็ลดลงตามไปด้วย นั้นจึงส่งผลเสียหลักๆต่อการทำงานของเส้นเลือด เลยทำให้กลายเป็น สภาวะแตก ตีบ ตัน ฉีกขาด ผู้สูงอายุที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปหรือมากกว่านั้น มีโอกาสเกิดโรคได้มากกว่าคนหนุ่มสาว กลุ่มที่มีความเสี่ยงอีกกลุ่มคือเชื้อชาติ กลุ่มคนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันมีความเสี่ยงสูงกว่าในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าเชื้อชาติอื่น ๆ เมื่อหากพูดถึงเรื่องของเพศ เพศชาติมักมีความเสี่ยงสูงมากกว่าเพศหญิง แต่อย่างไรก็ตามเพศหญิงเมื่อมีอายุมากขึ้นมักพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าเพศชาย ปัจจัยเสียงที่หลายคนมักมองข้ามคือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อันตรายจากการใช้ฮอร์โมนอย่างการใช้ยาคุมกำเนิดหรือการใช้ฮอร์โมนบำบัด ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

ภาวะแทรกซ้อนโรคหลอดเลือดสมอง

สามารถส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนแก่ผู้ป่วย ซึ่งอาจจะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราว หรือส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความพิการถาวร ความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สมองขาดเลือด และขึ้นอยู่กับบริเวณสมองที่ได้รับผลกระทบ

  • อัมพาต
    ผู้ป่วยอาจจะเกิดอัมพาตส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกาย หรือไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า อาการอาจจะเกิดขึ้นบริเวณด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าหรือแขน
  • ปัญหาการพูดหรือการกลืน
    ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองคือผู้ป่วยจะมีปัญหาในการพูด การกลืน หรือการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ผู้ป่วยจะพบปัญหาด้านภาษาอย่างเช่นการพูดคุย การพยายามทำความเข้าใจคำพูดของคนอื่น การอ่านและการเขียนหนังสือ
  • สูญเสียความทรงจำ หรือปัญหาเกี่ยวกับสมอง
    โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองจะเกิดอาการสูญเสียความทรงจำ ผู้ป่วยบางคนอาจจะพบปัญหาเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ หรือการเข้าใจสิ่งต่าง ๆ
  • อารมณ์แปรปรวน
    ผู้ป่วยจะพบปัญหาในการบริหารอารมณ์ และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า
  • เจ็บปวดหรือชาบริเวณร่างกาย
    ผู้ป่วยจะรู้สึกปวด หรือชาบนร่างกาย โดยเฉพาะส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมอง ยกตัวอย่างเช่นหากโรคส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความรู้สึกในแขนด้านซ้าย ผู้ป่วนจะเริ่มรู้สึกเจ็บแปล๊บแขนด้านดังกล่าว
  • พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงและเกิดการทอดทิ้งตัวเอง (Self-neglect)
    โรคอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยเริ่มมีการปลีกแยกจากสังคม และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในการดูแลตัวเองและทำกิจวัตรประจำวัน

การตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง

หลังจากที่ผู้ป่วยถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการตรวจผู้ป่วยด้วย CT scan หรือ MRI และแพทย์จะวินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการใกล้เคียงอย่างเช่น เนื้องอกในสมอง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงผิดปกติ อื่น ๆ ด้วยวิธีการการ

  • ตรวจร่างกาย
  • การตรวจเลือด
  • การตรวจ CT scan
  • การตรวจ MRI
  • การตรวจหลอดเลือดแดงที่คอด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Carotid doppler ultrasound)
  • การฉีดสีเข้าหลอดเลือดสมอง (Cerebral angiogram)

วิธีการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง และภาวะเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน

ในระยะแรกที่เกิดอาการเส้นเลือดในสมองตีบ แพทย์จะทำการประเมินผู้ป่วย หากมีข้อบ่งชี้ของการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) และไม่มีข้อห้าม แพทย์จะให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และตรวจหลอดเลือดสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CTA brain) ในกรณีที่มีหลอดเลือดสมองขนาดใหญ่อุดตัน แพทย์จะรักษาโดยการใช้สายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบและขึ้นไปที่สมอง (endovascular procedure) เพื่อนำเอาลิ่มเลือดที่อุดตันในหลอดเลือดออกมา (Mechanical thrombectomy)

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองแตก

หากมีอาการภาวะหลอดเลือดสมองแตก การพิจารณาการรักษา ดังนี้

  • การรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน
  • การผ่าตัดสมอง
  • ในกรณีที่เกิดจากหลอดเลือดโป่งพอง พิจารณาการรักษาด้วยการสวนหลอเลือดและใส่ขดลวด (coiling)
  • โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ (cerebral arteriovenous malformation) พิจารณาการรักษาด้วยการสวนหลอดเลือดและใช่สารอุดหลอดเลือดที่ผิดปกติ (transarterial/venous embolization) หรือ radiosurgery

การใช้ยาเพื่อการรักษา

แพทย์จะทำการสั่งยาเหล่านี้ เพื่อช่วยลดโอกาสการกำเริบของโรคหลอดเลือดสมอง

  • ยาต้านเกล็ดเลือด (antiplatelet)
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant)
  • ยาลดไขมัน (statin)
  • ยาลดความดันโลหิต
  • ยารักษาโรคเบาหวาน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นของการป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง สิ่งที่สำคัญคือการป้องกันต้องแต่เนิ่น ๆ ย่อหน้าต่อจากนี้จะมาแนะนำการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ที่ควรป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคและควรที่จะควบคุมพฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะกก่อให้เกิดอาการที่จะนำพาไปสู่การ ตีบ อุดตัน แตก หรือแม้แต่ฉีกขาด โดยแนวทางการป้องกันการเกิดโรค ไม่ว่าจะเป็น

  • ปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวสูง
  • เลิกสูบบุหรี่
  • ควบคุมอาการของโรคเบาหวาน
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • รับประทานผลไม้และผักให้มากยิ่งขึ้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ลดการดื่มสุรา
  • เข้ารับการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด

กายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูอาการหลอดเลือดสมอง

การดูแลร่างกายควบคู่กับการกายภาพ

หลังจากได้รับการรักษาทางการแพทย์จนอาการของผู้ป่วยคงที่แล้ว ส่วนใหญ่ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองจะยังคงมีภาวะสูญเสียการควบคุมแขนขาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย การพูด การกลืน และมีอารมณ์แปรปรวน บางรายอาจจะสูญเสียความทรงจำและมีความคิดที่ผิดแปลกไป โดยอาการแสดงมากน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของพยาธิสภาพและรอยโรคของผู้ป่วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับการแก้ไขด้วยการทำ กายภาพบำบัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน การได้รับการทำกายภาพบำบัดได้รวดเร็วจะส่งผลให้ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเหลือความพิการน้อยลง บางรายสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันด้วยตัวเองได้ใกล้เคียงปกติ

กายภาพบําบัดผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง จะเป็นการรักษาโดยการดูแลร่างกาย ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วยในส่วนที่สูญเสียการควบคุมหรืออ่อนแรง ให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการเป็นภาระของครอบครัวและสังคม โดยจะเน้นการฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อ กำลังกล้ามเนื้อ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และนักกายภาพบำบัดจะวิเคราะห์จุดบกพร่องของผู้ป่วย เช่น การเคลื่อนย้ายตัวบนเตียง การนั่ง การยืน และการเดินเพื่อนำมาวางแผนการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยในแต่ละคนก็จะมีจุดที่นักกายภาพต้องแก้ไขแตกต่างกันออกไป

การรักษากายภาพบำบัดโรคหลอดเลือดสมอง นักกายภาพวิเคราะห์สมรรถภาพของผู้ป่วยว่ามีความสามารถอยู่ในระดับไหน ต้องเสริมจุดบกพร่องอะไร ขาดการทำงานของกล้ามเนื้อมัดไหน และนำมาวางแผนการรักษาแบบระยะยาวจนกว่าผู้ป่วยจะสามารถกลับปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุดโดยการใช้เทคนิคการรักษา การช่วยขยับข้อต่อเพื่อป้องกันข้อติด การกระตุ้นการออกกำลังกายเพื่อกล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น การฝึกการทรงตัว รวมถึงการใช้งานแขนขาในชีวิตประจำวัน หากพบว่ามีปัญหาเรื่องอาการปวดและกล้ามเเนื้อเกร็ง จะใช้เครื่องมือกายภาพบำบัดช่วย เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เครื่องอัลตร้าซาวด์ และอุปกรณ์กายภาพบำบัดอื่นๆ อีกมากมายที่นักกายภาพสามารถนำมาช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยได้ ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย

สรุป

หากกำลังมองหาว่า กายภาพบำบัดที่ไหนดี ที่ไอแคร์ เวลเนส จำกัด เรามีพื้นที่ในการเทรนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉพาะ และนักกายภาพกายภาพผู้เชี่ยวชาญระบบระบบและสมอง ช่วยวิเคราะห์อาการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลและวางแผนการรักษาจนผู้ป่วยสามารถกลับมาใกล้เคียงปกติมากที่สุดค่ะและยังมีเครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้สำหรับการเทรนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉพาะ นักกายภาพจะดูแลและใกล้ชิดกับผู้ป่วยตลอดเวลา เราจะเน้นการฝึกกล้ามเนื้อและลดอาการปวดไปด้วยกัน ขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเราจะมีการใช้เครื่องมือกายภาพบำบัดช่วยลดปวด ลดเกร็ง กล้ามเนื้อเพื่อเตรียมความพร้อมในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อทีมนักกายภาพจะช่วยวิเคราะห์ผู้ป่วยในแต่ละรายโดยละเอียดและวางแผนการรักษาตั้งแต่ช่วงแรกของการฟื้นฟูจนผู้ป่วยสามารถกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด

หากท่านกำลังกังวลเรื่องการดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ การกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมบำบัด การชะลอความเสื่อม ให้ ไอแคร์ เวลเนส จำกัด สามารถช่วยท่านดูแล ได้ทั้ง ระยะสั้น และระยะยาวค่ะ (รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์)

สาขาในเมืองอุบล : 25/1 ถนน บูรพานอก ตำบล ปทุม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/N1QevUBZrx3Jcsae8
สาขาห้วยวังนอง : 318/118 บ้านค้อเหนือ หมู่12, ตำบล กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/3mfAELzrGKt24G3D9
*********************************
ติดต่อสอบถามเพื่อขอรับบริการ
ไอแคร์ เวเนส จำกัด
ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์
โทร : 066-112-9500
ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care
โทร : 066-109-4500
Line : @icare-nursing (มี@)
อินบล็อกสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
*********************************
#ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์ #ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care  #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #อุบลราชธานี #ผู้สูงอายุ #กายภาพ #ดูแลสุขภาพ #ผู้ช่วยพยาบาล #อำนาจเจริญ #ยโสธร #ศรีสะเกษ #ดูแลผู้สูงอายุ #เนอร์สซิ่งโฮม #ประกันสุขภาพ #โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ #อุบลรักษ์ #โรงพยาบาลพริ้นซ์อุบลราชธานี #โรงพยาบาลราชเวช #ไอแคร์ #ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพทุกช่วงวัย #ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลผู้สูงอายุ #กายภาพ #ดูแลคนชรา #ดูแลคนแก่ #ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น #ห้องพักฟื้น #กิจกรรมบำบัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถ อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว