
ปราบอาการท้องผูกในผู้สูงอายุให้อยู่หมัด
อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และอาจสร้างความไม่สบายตัวอย่างมาก การทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีจัดการกับอาการนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บทความนี้จะนำเสนอแนวทางในการ ปราบอาการท้องผูกในผู้สูงอายุให้อยู่หมัด ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไปจนถึงการใช้ยาอย่างเหมาะสม
อ่านบทความเพิ่มเติม : อาหารต้องห้ามยิ่งกินยิ่งแก และอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักฟื้น
สาเหตุหลักของอาการท้องผูกในผู้สูงอายุ
การที่ผู้สูงอายุมีอาการท้องผูกบ่อยกว่าคนวัยอื่น ๆ มีหลายสาเหตุที่ซับซ้อนและสัมพันธ์กัน สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผู้สูงอายุต้องเผชิญกับปัญหานี้ ได้แก่:
1. การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหาร
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อในลำไส้ใหญ่จะทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม ทำให้การเคลื่อนตัวของกากอาหารช้าลง นอกจากนี้ การหลั่งน้ำย่อยและเอนไซม์บางชนิดก็ลดลง ส่งผลให้การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- การบริโภคอาหาร: ผู้สูงอายุหลายท่านมักบริโภคอาหารที่มีกากใยน้อย เช่น ข้าวขาว เนื้อสัตว์ หรืออาหารแปรรูป ซึ่งขาดไฟเบอร์ที่จำเป็นต่อการขับถ่าย
- การดื่มน้ำ: การดื่มน้ำไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กากอาหารแข็งตัวและเคลื่อนตัวได้ยาก
- การขาดการเคลื่อนไหว: ผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว หรือผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียง มักจะมีการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ลดลง
- การกลั้นอุจจาระ: บางครั้งผู้สูงอายุอาจกลั้นอุจจาระเนื่องจากความไม่สะดวกในการเข้าห้องน้ำ หรือกลัวการเคลื่อนไหว ทำให้ลำไส้ดูดซึมน้ำกลับไปมาก และอุจจาระแข็งขึ้น
3. ผลข้างเคียงจากยา
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัวและต้องรับประทานยาหลายชนิด ยาบางประเภทมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์, ยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียม, ยาแก้แพ้, ยาลดความดันโลหิตบางชนิด และยาซึมเศร้า
4. โรคประจำตัว
โรคบางชนิดก็ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น โรคเบาหวาน, โรคพาร์กินสัน, ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
อ่านบทความเพิ่มเติม : โภชนาการอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยติดเตียง
แนวทางในการปราบอาการท้องผูกในผู้สูงอายุ
การจัดการกับอาการท้องผูกในผู้สูงอายุต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปกับการดูแลทางการแพทย์หากจำเป็น
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและดื่ม
- เพิ่มใยอาหาร: เน้นอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ถั่วต่าง ๆ ใยอาหารจะช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารและทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น ควรเพิ่มใยอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อป้องกันอาการท้องอืด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน การดื่มน้ำที่เพียงพอจะช่วยให้อุจจาระไม่แข็งตัวและเคลื่อนตัวได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องผูก: ลดการบริโภคอาหารที่ย่อยยาก อาหารแปรรูป และอาหารที่มีไขมันสูง
2. การออกกำลังกายและเคลื่อนไหวร่างกาย
แม้จะเป็นเพียงการเดินเบา ๆ การยืดเส้นยืดสาย หรือการทำกายภาพบำบัดง่าย ๆ ก็สามารถช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม : Care giver คือใครมีหน้าที่สำสัญอย่างไรกับสังคมปัจจุบัน
3. การสร้างวินัยในการขับถ่าย
- เข้าห้องน้ำให้ตรงเวลา: พยายามขับถ่ายให้เป็นเวลาในแต่ละวัน เช่น หลังอาหารเช้า เพื่อฝึกให้ลำไส้ทำงานเป็นระบบ
- ไม่กลั้นอุจจาระ: เมื่อรู้สึกปวดอุจจาระ ควรรีบเข้าห้องน้ำทันที ไม่ควรอั้นไว้
- ท่านั่งที่เหมาะสม: ท่านั่งที่ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้นคือ การนั่งยอง ๆ หรือการใช้เก้าอี้เล็ก ๆ วางเท้าเพื่อยกเข่าให้สูงขึ้นขณะนั่งชักโครก
4. การใช้ยาระบาย (หากจำเป็น)
การใช้ยาระบายควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เนื่องจากยาระบายบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง หรือทำให้เกิดการพึ่งพาได้ ประเภทของยาระบายที่นิยมใช้ในผู้สูงอายุ ได้แก่:
- ยาระบายกลุ่มเพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming laxatives): เช่น เมทิลเซลลูโลส หรือไซเลียม มีลักษณะเป็นไฟเบอร์ที่ดูดซับน้ำ ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารและทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ในระยะยาว
- ยาระบายกลุ่มเพิ่มน้ำในลำไส้ (Osmotic laxatives): เช่น แลคตูโลส หรือโพลีเอทิลีนไกลคอล (PEG) ออกฤทธิ์โดยการดึงน้ำเข้าสู่ลำไส้ ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
- ยาระบายกลุ่มกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulant laxatives): เช่น บิซาโคดิล หรือเซนน่า ใช้เมื่อท้องผูกรุนแรงเท่านั้น เนื่องจากอาจทำให้ลำไส้ชินยา และปวดบิดได้ง่าย
อ่านบทความเพิ่มเติม : สัญญาณสูงวัยกำลัง ขาดสารอาหาร
สรุป
การ ปราบอาการท้องผูกในผู้สูงอายุให้อยู่หมัด ต้องอาศัยความเข้าใจในสาเหตุ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย การดื่มน้ำให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการสร้างวินัยในการขับถ่าย หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและห่างไกลจากปัญหาท้องผูก
หากท่านกำลังกังวลเรื่องการดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ การกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมบำบัด การชะลอความเสื่อม ให้ ไอแคร์ เวลเนส จำกัดสามารถช่วยท่านดูแล ได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวค่ะ (รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์)
สาขาในเมืองอุบล : 25/1 ถนน บูรพานอก ตำบล ปทุม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/N1QevUBZrx3Jcsae8
สาขาห้วยวังนอง : 318/118 บ้านค้อเหนือ หมู่12, ตำบล กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/3mfAELzrGKt24G3D9
*********************************
ติดต่อสอบถามเพื่อขอรับบริการ
ไอแคร์ เวเนส จำกัด
ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์
โทร : 066-112-9500
ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care
โทร : 066-109-4500
Line : @icare-nursing (มี@)
อินบล็อกสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
*********************************
#ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์ #ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care