
การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยภายหลังจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เส้นทางสู่ชีวิตใหม่
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์สมองถูกทำลายและส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การพูด การมองเห็น หรือความจำ การฟื้นฟูสมรรถภาพจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
ความสำคัญของการฟื้นฟูสมรรถภาพ
การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังโรคหลอดเลือดสมองมีเป้าหมายหลักในการ
- ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น เช่น การเดิน การทรงตัว การใช้มือและแขน
- ฟื้นฟูการพูดและการสื่อสาร ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการพูดและการสื่อสารสามารถกลับมาสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฟื้นฟูการทำงานของสมอง ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านความจำ การรับรู้ หรือการตัดสินใจสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ
- ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่
ขั้นตอนการฟื้นฟูสมรรถภาพ
การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังโรคหลอดเลือดสมองมักประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
- การประเมินสภาพ ทีมผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสม
- กายภาพบำบัด เป็นการฝึกการเคลื่อนไหวและออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
- กิจกรรมบำบัด เป็นการฝึกกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว การรับประทานอาหาร เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองได้
- อรรถบำบัด เป็นการฝึกการพูด การสื่อสาร และการกลืน สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านเหล่านี้
- จิตบำบัด เป็นการให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางจิตใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อช่วยให้พวกเขารับมือกับความเครียดและความวิตกกังวล
ปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ
- ระยะเวลา การฟื้นฟูสมรรถภาพควรเริ่มให้เร็วที่สุดหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ความสม่ำเสมอ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพ
- การสนับสนุน การสนับสนุนจากครอบครัวและคนรอบข้างมีบทบาทสำคัญในการให้กำลังใจและช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการฟื้นฟู
- ทีมผู้เชี่ยวชาญ การทำงานร่วมกันของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น แพทย์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักอรรถบำบัด และนักจิตวิทยา เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนและดำเนินการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ
การดูแลต่อเนื่อง
หลังจากการฟื้นฟูสมรรถภาพในโรงพยาบาล ผู้ป่วยยังคงต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน โดยการทำกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ
สรุป
การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยภายหลังจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทีมผู้เชี่ยวชาญ ครอบครัว และตัวผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ความจำเป็นต่อกายภาพบำบัดในผู้ป่วย “โรคหลอดเลือดสมอง”
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์สมองถูกทำลายและส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การพูด การมองเห็น หรือความจำ การทำกายภาพบำบัดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
ความสำคัญของกายภาพบำบัดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
- ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
- โรคหลอดเลือดสมองมักทำให้เกิดภาวะอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต การทำกายภาพบำบัดจะช่วยฝึกการเคลื่อนไหวของแขนขา การทรงตัว และการเดิน เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: การไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ข้อต่อติด กล้ามเนื้อหดรั้ง หรือแผลกดทับ กายภาพบำบัดจะช่วยป้องกันภาวะเหล่านี้
- ฟื้นฟูการทรงตัวและการเดิน
- ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักมีปัญหาในการทรงตัวและการเดิน กายภาพบำบัดจะช่วยฝึกการทรงตัว การถ่ายน้ำหนัก และการเดิน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย
- ลดอาการปวด
- โรคหลอดเลือดสมองอาจทำให้เกิดอาการปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ กายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวดเหล่านี้ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การประคบร้อนหรือเย็น และการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด
- เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
- กายภาพบำบัดจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีขึ้น
- ฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาท
- กายภาพบำบัดจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท เพื่อให้สมองสามารถสร้างทางเชื่อมใหม่และฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย
ขั้นตอนการทำกายภาพบำบัดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
- การประเมินสภาพ นักกายภาพบำบัดจะประเมินสภาพร่างกายของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- การฝึกการเคลื่อนไหว นักกายภาพบำบัดจะสอนและฝึกการเคลื่อนไหวต่างๆ ให้กับผู้ป่วย เช่น การพลิกตัว การลุกนั่ง การยืน และการเดิน
- การฝึกการทรงตัว นักกายภาพบำบัดจะฝึกการทรงตัวและการถ่ายน้ำหนัก เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย
- การฝึกการใช้เครื่องมือ: นักกายภาพบำบัดอาจใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ลูกบอล ยางยืด หรือเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อช่วยในการฟื้นฟู
- การให้คำแนะนำ นักกายภาพบำบัดจะให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน
ปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นฟูด้วยกายภาพบำบัด
- ระยะเวลา การเริ่มทำกายภาพบำบัดเร็วหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองจะช่วยให้ฟื้นฟูได้ดีขึ้น
- ความสม่ำเสมอ การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟู
- ความร่วมมือ ความร่วมมือของผู้ป่วยและครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟู
- ทีมผู้เชี่ยวชาญ การทำงานร่วมกันของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น แพทย์ นักกายภาพบำบัด และนักกิจกรรมบำบัด จะช่วยให้การฟื้นฟูมีประสิทธิภาพ
สรุป
กายภาพบำบัดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการทำงานของระบบประสาท การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยภายหลังจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หนทางสู่การกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์สมองถูกทำลายและส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การพูด การมองเห็น หรือความจำ การฟื้นฟูสมรรถภาพจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
ความสำคัญของการฟื้นฟูสมรรถภาพ
การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังโรคหลอดเลือดสมองมีเป้าหมายหลักในการ:
- ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น เช่น การเดิน การทรงตัว การใช้มือและแขน
- ฟื้นฟูการพูดและการสื่อสาร ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการพูดและการสื่อสารสามารถกลับมาสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฟื้นฟูการทำงานของสมอง ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านความจำ การรับรู้ หรือการตัดสินใจสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ
- ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่
ขั้นตอนการฟื้นฟูสมรรถภาพ
การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังโรคหลอดเลือดสมองมักประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้:
- การประเมินสภาพ ทีมผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสม
- กายภาพบำบัด เป็นการฝึกการเคลื่อนไหวและออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
- กิจกรรมบำบัด เป็นการฝึกกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว การรับประทานอาหาร เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองได้
- อรรถบำบัด เป็นการฝึกการพูด การสื่อสาร และการกลืน สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านเหล่านี้
- จิตบำบัด เป็นการให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางจิตใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อช่วยให้พวกเขารับมือกับความเครียดและความวิตกกังวล
ปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ
- ระยะเวลา การฟื้นฟูสมรรถภาพควรเริ่มให้เร็วที่สุดหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ความสม่ำเสมอ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพ
- การสนับสนุน การสนับสนุนจากครอบครัวและคนรอบข้างมีบทบาทสำคัญในการให้กำลังใจและช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการฟื้นฟู
- ทีมผู้เชี่ยวชาญ การทำงานร่วมกันของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น แพทย์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักอรรถบำบัด และนักจิตวิทยา เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนและดำเนินการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ
การดูแลต่อเนื่อง
หลังจากการฟื้นฟูสมรรถภาพในโรงพยาบาล ผู้ป่วยยังคงต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน โดยการทำกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ
สรุป
การฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยภายหลังจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทีมผู้เชี่ยวชาญ ครอบครัว และตัวผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การออกกำลังกายเพื่อป้องกันข้อต่อยึดติด เคล็ดลับสู่การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วและยั่งยืน
ข้อต่อยึดติดเป็นภาวะที่ข้อต่อเคลื่อนไหวได้จำกัด ทำให้เกิดอาการปวดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บ การอักเสบ หรือการไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันข้อต่อยึดติดและรักษาความคล่องแคล่วของร่างกาย
ความสำคัญของการออกกำลังกายเพื่อป้องกันข้อต่อยึดติด
- เพิ่มความยืดหยุ่น การออกกำลังกายช่วยยืดกล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้เต็มช่วง
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยรองรับข้อต่อและลดแรงกระแทก ทำให้ข้อต่อมั่นคงและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังข้อต่อ ทำให้ข้อต่อได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ
- ลดอาการปวด การออกกำลังกายช่วยลดอาการปวดข้อต่อ โดยการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการปวด
ประเภทของการออกกำลังกายเพื่อป้องกันข้อต่อยึดติด
- การยืดเหยียด การยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อต่อเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่น ควรยืดเหยียดอย่างช้าๆ และค้างไว้ประมาณ 15-30 วินาที
- การออกกำลังกายแบบแอโรบิก การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- การออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรง การออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรง เช่น การยกน้ำหนักเบาๆ หรือการใช้ยางยืด ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อต่อ
- การออกกำลังกายในน้ำ การออกกำลังกายในน้ำช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย
เคล็ดลับในการออกกำลังกายเพื่อป้องกันข้อต่อยึดติด
- อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย การอบอุ่นร่างกายช่วยเตรียมกล้ามเนื้อและข้อต่อให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที
- ค่อยๆ เพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย ไม่ควรออกกำลังกายหนักเกินไปในครั้งแรก ควรค่อยๆ เพิ่มความหนักของการออกกำลังกายเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น
- ฟังเสียงร่างกาย หากรู้สึกปวดขณะออกกำลังกาย ควรหยุดพักและปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากมีโรคประจำตัวหรือมีอาการปวดข้อต่อ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อขอคำแนะนำในการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ตัวอย่างการออกกำลังกายเพื่อป้องกันข้อต่อยึดติด
- การยืดเหยียดคอ เอียงศีรษะไปด้านข้าง ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
- การยืดเหยียดไหล่ หมุนไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลัง ทำซ้ำ 10 ครั้ง
- การยืดเหยียดหลัง ก้มตัวแตะปลายเท้า ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
- การยืดเหยียดสะโพก นอนหงาย ชันเข่า ดึงเข่าเข้าหาหน้าอก ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
- การยืดเหยียดเข่า นั่งเหยียดขา กระดกปลายเท้าขึ้น ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
สรุป
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันข้อต่อยึดติดและรักษาความคล่องแคล่วของร่างกาย ควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีข้อสงสัย
ต้องทำการกายภาพบำบัด นานขนาดไหน ถึงจะดีขึ้น ลุก – เดินเองได้
การฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยกายภาพบำบัดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน โดยระยะเวลาในการฟื้นฟูเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถลุกและเดินเองได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการฟื้นฟู
- สาเหตุของปัญหา
- หากเป็นผลมาจากโรคหลอดเลือดสมอง ระยะเวลาการฟื้นฟูจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรคและบริเวณสมองที่ได้รับผลกระทบ
- หากเป็นผลมาจากการผ่าตัดกระดูกสันหลัง หรือการบาดเจ็บอื่นๆ ระยะเวลาการฟื้นฟูจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของการบาดเจ็บ
- สภาพร่างกายของผู้ป่วย อายุ สุขภาพโดยรวม และความร่วมมือของผู้ป่วยมีผลต่อระยะเวลาการฟื้นฟู
- ความสม่ำเสมอในการทำกายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
- การสนับสนุนจากครอบครัวและผู้ดูแล การมีกำลังใจและการสนับสนุนจากคนรอบข้างมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟู
ระยะเวลาโดยทั่วไปในการฟื้นฟู
- ช่วง 3-6 เดือนแรก เป็นช่วงที่ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นการฟื้นตัวของสมองในส่วนที่เสียหายเองร่วมกับการเรียนรู้การเคลื่อนไหว
- หลังจาก 6 เดือน การฟื้นฟูจะช้าลง แต่สมองยังคงสามารถพัฒนาได้อีกหลายปี หากได้รับการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง
- หลังจากการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยจะเริ่มฝึกยืนและเดินได้ภายใน 2-3 วันหลังผ่าตัด และจะได้รับการฝึกกิจวัตรประจำวัน การทรงตัว และการเดินในช่วง 4-7 วันหลังผ่าตัด
ข้อควรจำ
- การฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน ผู้ป่วยและครอบครัวควรมีความเข้าใจและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
- การทำกายภาพบำบัดควรทำโดยนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย
- ผู้ป่วยแต่ละรายมีการฟื้นตัวในอัตราที่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบกับผู้อื่นอาจทำให้เกิดความท้อแท้ได้
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อขอคำแนะนำในการฝึกกายภาพบำบัดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วย
- ทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด
- ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเบาๆ เท่าที่ทำได้
สรุป
ให้กำลังใจและสนับสนุนผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัด เริ่มขึ้นตั้งแต่ขณะนอนรักษาในโรงพยาบาล และทำการฟื้นฟูต่อเนื่องที่บ้านทุกๆ วัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้า และเย็น) ประมาณครั้งละ 20 – 30 นาที โดยไม่หักโหมจนเหนื่อย ซึ่งความสำเร็จของการทำกายภาพบำบัดขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากผู้ป่วยและญาติ การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ในการร่วมตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูสภาพและการวางแผนการรักษา การช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆโดยควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดในการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง และผู้ดูแลได้รับคำแนะนำอย่างถูกวิธีคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ เพราะการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญ
หากท่านกำลังกังวลเรื่องการดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ การกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมบำบัด การชะลอความเสื่อม ให้ ไอแคร์ เวลเนส จำกัด
สามารถช่วยท่านดูแล ได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวค่ะ (รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์)
สาขาในเมืองอุบล : 25/1 ถนน บูรพานอก ตำบล ปทุม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/N1QevUBZrx3Jcsae8
สาขาห้วยวังนอง : 318/118 บ้านค้อเหนือ หมู่12, ตำบล กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000
MAP : https://maps.app.goo.gl/3mfAELzrGKt24G3D9
*********************************
ติดต่อสอบถามเพื่อขอรับบริการ
ไอแคร์ เวเนส จำกัด
ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์
โทร : 066-112-9500
ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care
โทร : 066-109-4500
Line : @icare-nursing (มี@)
อินบล็อกสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
*********************************
#ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์ #ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #อุบลราชธานี #ผู้สูงอายุ #กายภาพ #ดูแลสุขภาพ #ผู้ช่วยพยาบาล #อำนาจเจริญ #ยโสธร #ศรีสะเกษ #ดูแลผู้สูงอายุ #เนอร์สซิ่งโฮม #ประกันสุขภาพ #โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ #อุบลรักษ์ #โรงพยาบาลพริ้นซ์อุบลราชธานี #โรงพยาบาลราชเวช #ไอแคร์ #ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพทุกช่วงวัย #ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลผู้สูงอายุ #กายภาพ #ดูแลคนชรา #ดูแลคนแก่ #ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น #ห้องพักฟื้น #กิจกรรมบำบัด