การฟื้นฟูระยะกลางภาวะสมองบาดเจ็บ

การฟื้นฟูระยะกลางภาวะสมองบาดเจ็บ

การฟื้นฟูระยะกลางภาวะสมองบาดเจ็บ: คู่มือสำหรับผู้ดูแลที่กำลังมองหาศูนย์ดูแล

เมื่อคนในครอบครัวประสบ ภาวะสมองบาดเจ็บ (Traumatic Brain Injury: TBI) ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ การหกล้ม หรือภาวะหลอดเลือดสมอง ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง “การฟื้นฟูระยะกลาง” ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่จะกำหนดว่าผู้ป่วยจะกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงเดิมมากแค่ไหน

สำหรับคุณที่อยู่ในวัยกลางคน ต้องรับบทบาทดูแลพ่อแม่ หรือญาติผู้สูงอายุที่กำลังเผชิญการฟื้นฟู อาจรู้สึกว่าหน้าที่นี้เป็นทั้งภาระและความรักในเวลาเดียวกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ ขั้นตอนการฟื้นฟูระยะกลาง, สิ่งที่ควรมองหาใน ศูนย์ฟื้นฟูหรือผู้ดูแลมืออาชีพ, พร้อมทั้งชี้ทางเลือกเพื่อให้การตัดสินใจง่ายขึ้น


การฟื้นฟูระยะกลางคืออะไร?

การฟื้นฟูสมองหลังบาดเจ็บแบ่งได้ 3 ระยะใหญ่:

  1. ระยะเฉียบพลัน (Acute phase): หลังเกิดเหตุ ต้องรักษาเพื่อประคองชีวิต
  2. ระยะกลาง (Subacute / Post-acute phase): หลังอาการคงที่ เริ่มเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างจริงจัง
  3. ระยะยาว (Long-term phase): มุ่งเน้นการปรับตัว ใช้ชีวิตประจำวัน และการติดตามผลต่อเนื่อง

“ระยะกลาง” จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเป็นช่วงที่ผู้ป่วยเริ่ม ฟื้นตัวจากภาวะวิกฤต และเข้าสู่โปรแกรมฟื้นฟูเพื่อเรียกความสามารถกลับคืนมา เช่น การเดิน การพูด การจดจำ และทักษะชีวิตประจำวัน


ทำไมระยะกลางถึงสำคัญ?

  • งานวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องใน 6 เดือนแรก มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ มากกว่าถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ขาดการฟื้นฟู
  • หากไม่มีการฟื้นฟูสมองอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยอาจเผชิญกับ ภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้อหดเกร็ง ข้อแข็งซ้ำซ้อน ภาวะซึมเศร้า หรือแม้แต่การสูญเสียความสามารถถาวร
  • สำหรับผู้สูงอายุ ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น หากไม่มีทีมดูแลที่เข้าใจ ทั้งด้านกายภาพและจิตใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม : Care giver คือใครมีหน้าที่สำสัญอย่างไรกับสังคมปัจจุบัน

กิจกรรมหลักของการฟื้นฟูระยะกลาง

การฟื้นฟูไม่ใช่แค่การทำกายภาพ แต่ครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่:

  1. กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
    • ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การทรงตัว และการเคลื่อนไหว
    • ป้องกันการติดขัดของข้อและกล้ามเนื้อ
    • ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเดินหรือทำกิจกรรมพื้นฐานได้
  2. กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy)
    • ฝึกทักษะในชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว กินอาหาร ใช้อุปกรณ์พื้นฐาน
    • สอนการปรับตัวหากมีข้อจำกัดถาวร เช่น การใช้เครื่องช่วยเดิน
  3. การบำบัดการพูดและการสื่อสาร (Speech Therapy)
    • ฟื้นฟูการพูด ออกเสียง และความเข้าใจภาษา
    • บางรายต้องฝึกกลืนเพื่อลดความเสี่ยงสำลักอาหาร
  4. การบำบัดทางด้านความคิดและอารมณ์ (Cognitive & Psychological Rehabilitation)
    • ฟื้นฟูความจำ สมาธิ การวางแผน
    • ให้คำปรึกษาเพื่อลดความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า

อ่านบทความเพิ่มเติม : โภชนาการอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยติดเตียง

ปัญหาที่ผู้ดูแลมักเจอ

สำหรับคนวัยกลางคนที่ต้องดูแลพ่อแม่หรือญาติ การฟื้นฟูระยะกลางอาจเป็นภาระหนัก โดยเฉพาะถ้าไม่มีผู้ช่วยที่เหมาะสม ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่:

  • เวลาไม่เพียงพอ: ยังต้องทำงานและดูแลครอบครัวของตัวเอง
  • ความรู้ไม่เพียงพอ: ไม่มั่นใจว่ากำลังฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างถูกวิธี
  • ภาระทางอารมณ์: ความกดดัน ความเหนื่อยล้า และความรู้สึกโดดเดี่ยว
  • ภาระทางการเงิน: ค่าใช้จ่ายในการรักษาและฟื้นฟูต่อเนื่อง

ดังนั้น การมองหาผู้ดูแลหรือศูนย์ฟื้นฟูมืออาชีพคือทางเลือกที่ช่วย ลดภาระ และทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง


จะเลือกศูนย์ฟื้นฟูหรือผู้ดูแลอย่างไร?

เมื่อต้องการหาสถานที่หรือบุคคลที่จะดูแลผู้ป่วยในระยะกลาง ควรพิจารณา:

  1. ทีมสหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team)
    • มีแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
    • นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักแก้ไขการพูด
    • นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาด้านอารมณ์
  2. สิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์
    • มีห้องกายภาพและอุปกรณ์ครบครัน
    • มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
  3. โปรแกรมการฟื้นฟูที่ปรับตามผู้ป่วยแต่ละราย
    • ไม่ใช่โปรแกรมสำเร็จรูป แต่ปรับให้เหมาะกับอาการและศักยภาพ
  4. การมีส่วนร่วมของครอบครัว
    • ศูนย์ที่ดีควรสื่อสารและให้คำแนะนำกับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
  5. รีวิวและผลลัพธ์ที่ผ่านมา
    • ดูผลการฟื้นฟูของผู้ป่วยรายอื่น
    • พิจารณาความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส

สถิติที่น่ารู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูสมอง

  • ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับการฟื้นฟูสมองต่อเนื่องใน 6-12 เดือนแรก มีโอกาสลดความพิการถาวรลงได้มากกว่า 40%
  • ในประเทศไทย งานวิจัยบางชิ้นพบว่า การเข้าศูนย์ฟื้นฟูช่วยลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำ เช่น การหกล้ม หรือการเกิดแผลกดทับ ลงได้ถึง 30-50%
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของการดูแลระยะกลางที่บ้านโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญ มักสูงกว่าการใช้บริการศูนย์ฟื้นฟู เพราะอาจมี ค่าใช้จ่ายแอบแฝง เช่น การซื้ออุปกรณ์ใหม่ หรือการรักษาภาวะแทรกซ้อน

อ่านบทความเพิ่มเติม : สัญญาณสูงวัยกำลัง ขาดสารอาหาร

บทบาทของครอบครัว

แม้จะส่งต่อการดูแลให้ศูนย์ฟื้นฟู แต่คุณยังคงมีบทบาทสำคัญ:

  • เป็น กำลังใจ ให้ผู้ป่วย เพราะการฟื้นฟูต้องใช้เวลาและความอดทน
  • เรียนรู้วิธีการดูแลเบื้องต้น เช่น วิธีช่วยพยุงเดิน วิธีป้อนอาหารอย่างปลอดภัย
  • ทำหน้าที่ สื่อกลางระหว่างทีมแพทย์กับผู้ป่วย
  • วางแผนด้านการเงินและเวลา เพื่อไม่ให้ภาระล้นจนกระทบชีวิตส่วนตัว

สรุป

การฟื้นฟูระยะกลางสำหรับผู้ที่มีภาวะสมองบาดเจ็บ เป็นขั้นตอนสำคัญที่กำหนดคุณภาพชีวิตระยะยาว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลรอบด้าน สำหรับคุณที่เป็นวัยกลางคนและกำลังมองหาศูนย์ดูแลหรือผู้ดูแลมืออาชีพ การเลือกอย่างรอบคอบจะช่วย ลดภาระ และ เพิ่มโอกาสฟื้นตัวของผู้ป่วย

อย่าลืมว่า คุณไม่จำเป็นต้องดูแลเพียงลำพัง การเลือกทีมผู้เชี่ยวชาญคือการลงทุนเพื่อให้คนที่คุณรักได้กลับมามีชีวิตที่มีคุณค่าและสมศักดิ์ศรีมากที่สุด

อ่านบทความเพิ่มเติม : เนอร์สซิ่งโฮม VS บ้านพักคนชรา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?

หากท่านกำลังกังวลเรื่องการดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ การกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมบำบัด การชะลอความเสื่อม ให้ ไอแคร์ เวลเนส จำกัดสามารถช่วยท่านดูแล ได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวค่ะ (รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์)

สาขาในเมืองอุบล : 25/1 ถนน บูรพานอก ตำบล ปทุม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000

MAP : https://maps.app.goo.gl/N1QevUBZrx3Jcsae8

สาขาห้วยวังนอง : 318/118 บ้านค้อเหนือ หมู่12, ตำบล กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000

MAP : https://maps.app.goo.gl/3mfAELzrGKt24G3D9

ติดต่อสอบถามเพื่อขอรับบริการ

ไอแคร์ เวเนส จำกัด

ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์

โทร : 066-112-9500

ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care

โทร : 066-109-4500

Line : @icare-nursing (มี@)

อินบล็อกสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

#ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์ #ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care