การรับฟหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ

สิ่งที่คุณควรรู้เมื่อต้องรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในครอบครัวไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะนอกจากจะใช้เวลาและแรงกายแล้ว ยังใช้พลังใจมากพอสมควร สำหรับวัยกลางคนซึ่งมักรับบทบาท “สะพานเชื่อม” ระหว่างลูกและพ่อแม่ ยิ่งต้องเจอกับภาระสองด้าน ทั้งงานประจำ ชีวิตส่วนตัว และภาระการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน หลายคนอาจกำลังเผชิญคำถามว่า จะดูแลเองต่อไปดี หรือหาผู้ช่วย/ศูนย์ดูแลจะเหมาะกว่า?”

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสิ่งสำคัญที่ควรรู้ เพื่อวางแผนอย่างรอบคอบและลดความกังวล


1. ทำความเข้าใจความต้องการของผู้สูงอายุและผู้ป่วย

ผู้สูงอายุแต่ละคนมีความต้องการแตกต่างกัน ไม่ใช่ทุกคนจะต้องการการดูแลตลอดเวลา การประเมินให้ชัดจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

  • สุขภาพกาย: มีโรคประจำตัวหรือไม่ เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือภาวะสมองเสื่อม
  • สุขภาพใจ: ผู้สูงอายุบางคนอาจรู้สึกเหงา ซึมเศร้า หรือกังวล การมีเพื่อนพูดคุยสำคัญมาก
  • การเคลื่อนไหว: เดินเหินได้เองหรือไม่ ต้องใช้ไม้เท้า รถเข็น หรือเตียงพิเศษหรือเปล่า
  • การช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน: เช่น การกินข้าว อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ

การประเมินเหล่านี้จะช่วยให้รู้ว่า คุณควรดูแลเองเต็มเวลา แค่ช่วยบางส่วน หรือควรหาผู้ช่วย/ศูนย์ดูแล


2. ภาระที่ผู้ดูแลควรเตรียมใจ

หลายงานวิจัยระบุว่า ผู้ดูแล” มักเผชิญปัญหาทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ความเครียด อดนอน หรือแม้แต่ภาวะหมดไฟ (Burnout)

  • จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า กว่า 60% ของผู้ดูแลผู้สูงอายุมีภาวะเครียดหรือวิตกกังวล
  • การสำรวจในประเทศไทยโดยกรมสุขภาพจิต ปี 2565 พบว่า ผู้ดูแล 1 ใน 3 มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า

นี่คือสิ่งที่ผู้ดูแลต้องเผชิญบ่อย:

  • เวลาส่วนตัวหายไป
  • ความสัมพันธ์ในครอบครัวอาจตึงเครียด
  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งค่ารักษาและอุปกรณ์
  • ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ เพราะต้องดูแลต่อเนื่อง

การเตรียมใจและยอมรับความจริงนี้ จะช่วยให้คุณมองหาทางออกได้ชัดขึ้น


3. ข้อดี-ข้อเสียของการดูแลเอง

ข้อดี

  • ความใกล้ชิด ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกอบอุ่นและไว้ใจ
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในบางกรณี
  • ครอบครัวสามารถปรับการดูแลตามความต้องการเฉพาะได้ทันที

ข้อเสีย

  • ใช้เวลาและพลังงานสูง
  • กระทบงานประจำและชีวิตส่วนตัว
  • ขาดความรู้ทางการแพทย์เฉพาะทาง
  • เสี่ยงต่อความเครียดและความสัมพันธ์ในครอบครัว

อ่านบทความเพิ่มเติม : Care giver คือใครมีหน้าที่สำสัญอย่างไรกับสังคมปัจจุบัน


4. ตัวเลือกการหาผู้ช่วยหรือศูนย์ดูแล

หากคุณเริ่มรู้สึกว่าการดูแลเองเป็นภาระหนักเกินไป ตัวเลือกเหล่านี้อาจช่วยได้:

4.1 ผู้ช่วยดูแลที่บ้าน (Caregiver)

  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ต้องมีคนดูแลบางเวลา
  • ผู้ช่วยสามารถช่วยทำอาหาร พาไปโรงพยาบาล ช่วยอาบน้ำ หรือดูแลเรื่องยา

4.2 พยาบาลเฝ้าไข้

  • เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลใกล้ชิด เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยหลังผ่าตัด
  • มีความรู้ด้านการแพทย์ สามารถจัดการเรื่องการทำแผล วัดสัญญาณชีพ หรือให้อาหารทางสายยางได้

4.3 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home)

  • เหมาะกับครอบครัวที่ไม่สะดวกดูแลเอง หรือผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีทีมแพทย์ พยาบาล และกิจกรรมบำบัด ทำให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
  • ควรเลือกสถานที่ที่ได้มาตรฐาน มีบรรยากาศอบอุ่น และใกล้บ้าน

5. วิธีเลือกศูนย์ดูแลหรือผู้ช่วยที่เหมาะสม

การเลือกไม่ควรอิงแค่ “ราคา” แต่ควรดูปัจจัยอื่นร่วมด้วย:

  1. มาตรฐานการรับรอง – มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่
  2. บุคลากร – มีแพทย์ พยาบาล หรือผู้ดูแลที่ผ่านการอบรมจริงหรือไม่
  3. สภาพแวดล้อม – สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ
  4. กิจกรรมและการดูแลใจ – มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิต เช่น ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด หรือกิจกรรมกลุ่ม
  5. ความใกล้บ้าน – เดินทางสะดวก เพื่อให้ครอบครัวมาเยี่ยมได้ง่าย
  6. รีวิวและความน่าเชื่อถือ – ลองหาข้อมูลจากคนที่เคยใช้บริการจริง

6. การจัดการอารมณ์และพลังใจของผู้ดูแล

แม้คุณจะไม่ใช่ผู้สูงอายุ แต่การดูแลตลอดเวลาทำให้สุขภาพใจของคุณถูกกระทบได้ง่าย การดูแลตัวเองจึงสำคัญไม่แพ้กัน:

  • แบ่งเวลาให้ตัวเอง อย่างน้อยวันละ 30 นาที
  • พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว เพื่อไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยว
  • เข้าร่วมกลุ่มผู้ดูแลออนไลน์ ที่มีการแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำ
  • ขอความช่วยเหลือเมื่อเหนื่อยเกินไป ไม่ใช่เรื่องน่าอาย

7. ค่าใช้จ่ายที่ควรคำนึงถึง

การดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่แค่ค่าอาหารและยารักษา ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจคาดไม่ถึง เช่น

  • อุปกรณ์ดูแล เช่น เตียงผู้ป่วย รถเข็น เครื่องดูดเสมหะ
  • ค่าจ้างผู้ช่วยหรือพยาบาล
  • ค่าเดินทางไปโรงพยาบาล
  • ค่าใช้จ่ายจิปาถะในชีวิตประจำวัน

ตามรายงานของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2564) ครัวเรือนไทยใช้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดูแลผู้สูงอายุราว 7,000–15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระดับการดูแล


8. เมื่อใดควรตัดสินใจหาผู้ช่วยหรือศูนย์ดูแล?

  • ผู้สูงอายุรู้สึกเหงาและต้องการกิจกรรมที่บ้านไม่สามารถจัดได้
  • คุณเริ่มไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย
  • ผู้สูงอายุต้องการการดูแลเกินความสามารถ เช่น การให้อาหารทางสาย การดูแลแผลกดทับ
  • สุขภาพกายหรือจิตใจของคุณเริ่มแย่ลง

อ่านบทความเพิ่มเติม : สัญญาณสูงวัยกำลัง ขาดสารอาหาร


บทสรุป

การดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่ภาระเล็ก แต่เป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความรักและความท้าทาย วัยกลางคนอย่างเรา ๆ ต้องรับผิดชอบหลายด้าน จึงควรเลือกทางออกที่สมดุลระหว่าง ความต้องการของผู้สูงอายุ” และ คุณภาพชีวิตของผู้ดูแล”

ไม่ว่าคุณจะเลือกดูแลเอง หาผู้ช่วย หรือส่งต่อไปยังศูนย์ดูแล สิ่งสำคัญคือ ความใส่ใจและความสม่ำเสมอ เพราะสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการที่สุดคือการรู้สึกว่าพวกเขายังมีคุณค่าและไม่ถูกทอดทิ้ง


อ่านบทความเพิ่มเติม : เนอร์สซิ่งโฮม VS บ้านพักคนชรา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?

หากท่านกำลังกังวลเรื่องการดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ การกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมบำบัด การชะลอความเสื่อม ให้ ไอแคร์ เวลเนส จำกัดสามารถช่วยท่านดูแล ได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวค่ะ (รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์)

สาขาในเมืองอุบล : 25/1 ถนน บูรพานอก ตำบล ปทุม อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000

MAP : https://maps.app.goo.gl/N1QevUBZrx3Jcsae8

สาขาห้วยวังนอง : 318/118 บ้านค้อเหนือ หมู่12, ตำบล กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี อุบลราชธานี 34000

MAP : https://maps.app.goo.gl/3mfAELzrGKt24G3D9

ติดต่อสอบถามเพื่อขอรับบริการ

ไอแคร์ เวเนส จำกัด

ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์

ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care
TikTok : icarewellness001 iCare Wellness

โทร : 066-109-4500

Line : @icarewellness (มี@)

อินบล็อกสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

#ไอแคร์ เวลเนส เซ็นเตอร์ #ไอแคร์ เนอร์สซิ่งโฮมอุบลฯ – i Care